Gran Turismo ชื่อนี้ เกมเมอร์แฟน ๆ PlayStation น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะหนึ่งในตระกูลเกมแข่งรถสมจริงที่ประสบความสำเร็จที่สุด และแล้ว GT ก็พัฒนามาถึงภาค 7 ซึ่งเป็นภาคเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของเกมตระกูลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แล้วเกมนี้ยังคว้าใจแฟน ๆ ได้หรือไม่ มาดูในบทความ Gran Turismo 7 ได้เลย เพราะเกมนี้เป็นเกมไม่มีเนื้อเรื่อง จะเป็นโหมด Career ที่เน้นระบบการไต่เต้าจากนักแข่งมือใหม่สู่นักแข่งมือฉมัง ดังนั้นเราจะรีวิวจาก 3 หมวดที่เหลือแทน
Gran Turismo 7 จะมอบประสบการณ์การเล่นคล้ายกับ GT ภาคเก่า ๆ ที่เริ่มต้นมา คุณเป็นเจ้ามือใหม่ที่มีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย ต้องซื้อรถมือ 2 ราคาถูก ๆ แล้วไปแข่งรถในอีเวนต์ Sunday Cup เพื่อเอาเงินรางวัลมาซื้อรถคันใหม่ หรือใช้เงินแต่งรถคันเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไปใช้แข่งขันอีเวนต์ที่ยากท้าทายขึ้นไปแบบทีละขั้น ซึ่งตลอดทั้งเกมจะวนลูปกับการแข่งรถหาตังค์ แล้วเก็บสะสมคอลเล็กชันรถจนครบหมดหน้ากระดาษ แน่นอนว่าภาคนี้ยังคงมี Licence Test การสอบใบอนุญาตขับแข่งรถยนต์ และภารกิจ Mission ที่ผู้เล่นต้องเฟลแล้วเฟลเล่า เพื่อเก็บเหรียญทองให้ครบทุกบททดสอบ หรือเล่นให้ผ่านครบบททดสอบ เพื่อสามารถเข้าอีเวนต์การแข่งขันที่มีเงื่อนไขต้องการใบขับขี่ขั้นสูง
แน่นอน ผู้เล่นสามารถดัดแปลง และบำรุงรักษารถให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์แบบอีกครั้ง ด้วยการเข้าไปที่ร้าน GT Auto ซึ่งจะมีการบริการรถต่าง ๆ ตั้งแต่ล้างรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฟื้นความทนทาน ดัดแปลงรถ เปลี่ยนสีรถ ตกแต่งลวดลายรถ รวมไปถึงเพิ่มบอดี้กว้าง แม้ GT7 เป็นเกมภาคแรกที่ผู้เล่นสามารถซื้ออะไหล่ เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของรถได้ แต่โดยรวมแล้ว ตัวเลือกในการเปลี่ยนอะไหล่ยังมีน้อยหากเทียบกับเกมแข่งรถหลายเกม เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนกระโปรงรถ ไม่สามารถเปลี่ยนท่อไอเสีย (นอกเหนือจากการอัปเกรด) ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบไฟหน้า ไฟหลัง ใครที่เป็นนักเลงรถก็อาจจะรู้สึกผิดหวังตรงส่วนนี้นิดหน่อย
และน่าเสียดายหน่อยที่รถยนต์ 400 กว่าคันในช่วงเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นรถที่เคยปรากฏตัวให้เห็นในเกมภาค Sports มาก่อน และจำนวนรถที่มีให้ขับในช่วงเริ่มต้น ยังน้อยหากเทียบกับเกมภาค 4-6 แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจมากขนาดนั้น เพราะรถทั้งหมดในเกม มีคุณภาพรายละเอียดระดับท็อป หรือบอกว่าเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณก็ว่าได้ ส่วนสนามแข่งรถทั้งหมดจะมี 91 สนามจากทั้งหมด 34 แห่งจากทั่วโลก โดยสนามแข่งรถมีทั้งสนามจากชีวิต และสนามแข่ง “แฟนตาซี” ที่ออกแบบโดยทีมงานขึ้นมาเอง ซึ่งทุกสนามมีบรรยากาศสมจริง มีสีสันเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวา และมีความใส่ใจในรายละเอียดไม่แพ้ของรถยนต์เลยทีเดียว
แม้ GT7 จะเป็นเกมแข่งรถแบบสมจริง ดั่งสโลแกน “The Real Driving Simulator” แต่ความจริงแล้ว หากเทียบเกมแข่งรถสมจริงอื่น ๆ แล้ว เกมนี้จัดว่าค่อนข้างเข้าถึงง่าย GT7 มีตัวเลือกแฮนดิแค็ปสำหรับการปรับความยากของ AI ตั้งแต่ง่ายสุด จนถึงยากสุด ซึ่งยิ่งมี “ระดับความเผ็ด” มากเท่าไหร่ พฤติกรรมของ AI ก็จะยิ่งดุดันมากขึ้นเท่านั้น แม้ AI มีความดุดันมากขึ้น ก็ไม่ได้ความว่า AI จะโหดเกินไปจนเราต้องยอมใช้วิธีสกปรกในการเอาชนะ เพราะ AI จะยังทำตามกฎกติกาการแข่งขัน และรักษาน้ำใจนักกีฬา ด้วยการไม่ชนรถของคุณจนออกนอกสนาม หรือพยายามขับรถบังหลัง ไม่ให้แซงหน้าไปได้ ซึ่งโดยรวมแล้ว ความยากท้าทายของ AI อยู่ในเกณฑ์บาลานซ์พอดี
ตั้งแต่ Gran Turismo ภาคแรก จนถึงภาค Sport เกมดังกล่าวมีจุดแข็งแกร่งในด้านการนำเสนอภาพกราฟิกที่สวยงามสมจริง มีรายละเอียดเยอะ และเป็นเกมงัดประสิทธิภาพของเกมคอนโซล PlayStation อย่างสูงสุดมาโดยตลอด ซึ่งภาค 7 ก็ยังคงรักษามาตรฐานในด้านคุณภาพกราฟิก และ Performance เป็นอย่างดี จากการเล่นเกมเวอร์ชัน PlayStation 5 ผ่านเกมคอนโซลรุ่นปัจจุบัน (PS5) แม้มองเผิน ๆ กราฟิกอาจจะดูไม่แตกต่างจากภาค Sport มากนัก แต่จากการสังเกตด้วยการชม Replay และเล่นเกมด้วยมุมกล้องในรถ พบว่ารายละเอียดของรถ แผนที่สนามแข่ง และ Sense of Speed มีการอัปเกรดจากเกมภาค Sport แบบยิบย่อยข้างเยอะเลยทีเดียว สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดมากที่สุด คือ หญ้าสนามแข่งได้ปรากฏตัวให้เห็นในเกมแล้ว รายละเอียดของต้นไม้และใบไม้สูงมากขึ้นอย่างมาก เอฟเฟกต์แสงสว่าง การสะท้อนแสงระหว่างสองวัตถุ กับเงามีความซอฟต์สมจริง และแน่นอน Texture เบาะรถยนต์ สัญลักษณ์แบรนด์ ลูกบิด ช่องแอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย มีรายละเอียดชัดเจน และโมเดลมีขอบที่เนียนมากขึ้น