God of War Ragnarok เป็นเกม RPG ที่จะดำเนินเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายปีให้หลังจากเหตุการณ์ภาคแรก โดยในภาคนี้เราจะได้เจอกับความเข้มข้นของเนื้อหาที่จะเป็นบทสรุปของ God of War ยุคนี้ รวมไปถึงเราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่แตกต่างไปจากเดิมที่บอกได้เลยว่าแฟนๆ ซีรีส์นี้ไม่ควรพลาด และในวันนี้ผู้เขียนได้เข้าร่วมสงครามของทวยเทพในGod of War Ragnarokเรียบร้อยแล้วและก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ
จะมีอะไรดีไปกว่าการเล่นเกม RPG เนื้อเรื่องเข้มข้นโดยเราสามารถเข้าใจเนื้อหาของเกมแบบ 100% โดยที่เราไม่ต้องแปลให้ปวดหัว ซึ่งเกม God of War Ragnarok เป็นอีกหนึ่งเกมระดับ AAA ที่ได้มีการแปลเนื้อหาเป็นภาษาไทยมาให้เราได้เล่นกันแบบไร้กำแพงทางภาษา โดยการเปรียบเทียบระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่ได้ถูกปล่อยออกมา ผู้เขียนขอยก 2 นิ้วโป้ง ให้ทีมงานแปลภาษาไทยกับเกมนี้เลยว่า “แปลออกมาได้ดี และสะใจมาก ๆ” เพราะถ้าจะให้พูดจากใจจริงแล้ว… เกมนี้ไม่ได้เป็นเกมที่แปลภาษาไทยได้ง่ายเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากเกมนี้มีการอ้างอิงตำนานพระเจ้าในแต่ละประเทศที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การสะกดคำรวมไปถึงการอ้างอิงตำนานต่าง ๆ ที่จะมีให้เราได้อ่านกันภายในเกมต้องค่อนข้างละเอียดเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากแปลผิดไปเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ความหมายโดยรวมที่ต้องการจะสื่อนั้นผิดเพี้ยนไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งจุดนี้ทีมงานแปลก็ทำออกมาได้ดีแทบไม่มีที่ติเลยทีเดียว
สำหรับคนที่เคยเล่นเกมภาค 2018 มาก่อน ทันทีที่ได้จับจอยขึ้นมา คุณจะพบว่าระบบการเล่นใน Ragnarök นี่เรียกว่าแทบจะถอดมาจากเกมภาคที่แล้วทั้งดุ้นเลย ทั้งเรื่องมุมกล้องแบบมองผ่านไหล่ การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับลูกชาย (Boy!) และระบบอัปเกรดตัวละครที่ช่วยเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้มีความหลากหลายในตอนท้าย จุดนี้อาจทำให้แฟนๆ ที่อยากเห็นเกมภาคต่อแบบใหม่ถอดด้ามอาจต้องผิดหวัง เพราะเกมภาค Ragnarök จะเน้นไปที่การนำของเก่าที่ดีอยู่แล้วมาขัดให้เงางามขึ้นซะมากกว่า ซึ่งข้อดีก็คือมันทำให้คนที่เคยเล่นภาคก่อนสามารถเพลิดเพลินไปกับเกมนี้ได้ในทันทีที่กดเปิดเครื่อง ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้ระบบการต่อสู้ใหม่ ในขณะเดียวกันก็ยังได้มันสะใจไปกับความดุเดือดเลือดพล่านไม่ต่างจากเดิม
นอกจากนี้ในบทสนทนาต่างๆที่เราจะได้เห็น Kratos , Atreus , Mimir และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมายพูดคุยกันตลอดการเล่นเกมนี้ ก็มีทั้งบทสนทนาที่มีการเล่นมุกตลกสุดฮาให้เราได้นั่งขำกัน , บทสนทนาทั่วไปที่น่าติดตาม , บทสนทนาที่จริงจังจนต้องลุ้นตาม รวมไปถึง บทสนทนาที่แสดงอารมณ์ออกมาผ่านตัวละคร ก็สามารถปล่อยออกมาได้ถูกต้อง สะใจ และถ้าหากผู้อ่านคนใดประทับใจกับการแจกเกมที่ใช้ภาษาในระดับกันเอง (มีคำหยาบผสมอยู่บ้าง) เกมนี้ก็มีให้เราได้เห็นกันอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้หยาบจนเกินงามครับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย นั่นก็คือการตัดคำภาษาไทยภายในเกมนี้ ที่นาน ๆ ครั้งเราจะเห็นการตัดคำที่ไม่ถูกหลักภาษาไทยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่จนทำให้เกมนี้ด้อยคุณค่าลงไปแต่อย่างใดครับ
ยกระดับความสนุกแบบเทพเหนือเทพ
นอกจากเรื่องจังหวะเกมที่ยืดบ้างในบางจุด เกมยังมีบั๊กให้เห็นอยู่อีกนิดๆ หน่อยๆ เช่น โมเดลตัวศัตรูโหลดไม่ขึ้นตอนเริ่มสู้ (แต่วิ่งมาตีเราได้ซะงั้น) ศัตรูบางตัวดันตีรันฟันแทงไม่เข้า (???) หรือจู่ๆ ตัวเราก็ขว้างอาวุธไม่ออกจนต้องโหลดเกมใหม่ถึงจะหาย แต่ปัญหาจุกจิกพวกนี้ก็มีให้เห็นแค่ 2-3 ครั้งตลอดการเล่นหลายสิบชั่วโมง ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเหมือนรอยขีดข่วนเล็กๆ ในผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นใหม่ชิ้นนี้เท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คืออีกหนึ่งเกมภาคต่อขั้นเทพที่จะถูกกล่าวขานในวงการไปอีกนาน เหมือนกับสิ่งที่เกมอย่าง Batman: Arkham City, Uncharted 2: Among Thieves หรือ Mass Effect 2 เคยทำเอาไว้ มันคือเกมที่พัฒนาจากภาคต้นตำรับอย่างพิถีพิถัน ทั้งด้านเกมการเล่น ภาพกราฟิก และการเล่าเรื่อง จนทำให้มันเจอที่ยืนใหม่ของตัวเองในหมู่ (เกม) เทพ หากใครยังกังวลว่าเกมนี้จะไม่สามารถพิชิตความคาดหวังที่สูงลิบลิ่วของคุณได้ ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าเตรียมใจเอาไว้เถอะครับ… เทพสงครามคนนี้เขากลับมาแล้ว และเขาพร้อมจะอัดคุณไม่ยั้งด้วยความสนุกรัวๆ จนคุณวางจอยไม่ลง
แพลตฟอร์ม : PlayStation 4, PlayStation 4 Pro, PlayStation 5