ห่างหายกันไปนานเลยครับกับซีรีส์เกม Max Payne เกมสุดมันที่ปัจจุบันยังไม่มีการออกภาคต่อออกมาให้เราเล่นแต่ด้วยความที่เกมซีรีส์เกม Max Payne เกิดจากผู้พัฒนาชื่อดังอย่าง Rockstar Studios ที่เราจะได้เห็นผลงานสุดโด่งดังจากเกม GTA มาหลายภาค และตอนนี้ Max Payne ก็เดินทางมาถึงภาคที่ 3 ในชื่อ Max Payne 3 ซึ่งเป็นภาคต่อที่มีเรื่องราวผูกโยงมากจาก 2 ภาคแรก และหากใครที่เคยเล่น ภาค 1 และภาค 2 มาก่อน วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรำลึกเกมแอ็กชันสุดมัน ของค่ายเกมชื่อดัง กับ รีวิว Max Payne 3 จากตำรวจสู่บอดี้การ์ดมาเฟียบลาซิล
เนื้อเรื่องของเกมนี้จะพูดถึงตัวเอกอย่าง Max Payne ที่ดำเนินเรื่องราวจากภาค 2 ผ่านมาระยะเวลา 9 ปี ในครั้งนี้ Max Payne ผู้ผิดหวังจากความยุติธรรม เขาซึ่งเคยเป็นตำรวจและสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไป ก็ได้ถูกเชิญเข้ามาเป็น บอดี้การ์ดของมาเฟียตัวชื่อดังแห่งบลาซิล และแน่นอนว่า ในการเป็นบอดี้การ์ดนั้นไม่ได้ง่ายเลย Max Payne ต้องฝ่าดงกระสุนเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้โหดและดิบเถื่อนกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา แต่โดยรวมเนื้อเรื่องใน Max Payne 3 ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตัวละครเอกอย่าง Max Payne เท่าไหร่ แต่จะทำให้เราได้เห็นวงการมาเฟียชัดขึ้น ทั้งการปล้น หักหลัง หรือแม้กระทั่งลักพาตัว แต่หากได้ลองเล่นแล้วคุณจะเห็รว่าเกมนี้มีความเป็นเส้นตรงในเนื้อเรื่องหลัก แต่ไม่ใช่กับในฉากย่อย ผมต้องบอกเลยว่าเกม Max Payne 3 แอบซ่อนความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง และเนื้อหาภายในเกมไว้อย่างน่าประหลาดใจ และทำให้ผู้เล่นหลายคนรวมไปถึงตัวผมเองต้องเซอร์ไพรส์กับฉากต่างๆ หลายครั้งอยู่พอตัวเหมือนกัน
ระบบเกมเพลย์จะถอดแบบมาจาก Max Payne 1 และ Max Payne 2 คือเป็นลักษณะเกมเดินยิงทั่วๆ ไป แต่หากเป็นเหมือนเกมทั่วไปก็คงไม่มีอะไรแต่กต่างและแน่นอนว่าคงเดินมาได้ไม่ถึงภาคที่ 3 แน่นอน Max Payne 3 ยังคงระบบเดิมนั่นคือ Bullet Time ซึ่งเป็นระบบ Slow-motion ทำให้เราเล่นง่ายมากขึ้น และในภาค Max Payne 3 ยังได้ใส่ระบบอื่นๆ มาให้เราได้สะใจ อย่าง Kill Cam ที่หากใครเป็นแฟนเกม Sniper Elite จะรู้ดีว่า ระบบนี้ทำให้การเล่นเกมแนว Shooter สนุกและสะใจมากแค่ไหน แต่ถึงแม้ตัวเอกเราจะเก่ง หรือกระโดดยิงได้เท่แค่ไหน ก็ปฏิเาธไม่ได้ว่า Bot ของเกมนี้โหดมาก เรียกได้ว่าทำเราตายเอาได้ง่ายๆเลย แต่ที่ชอบที่สุดเลยคือระบบที่ออกแบบมาคล้ายๆ กับ Quick Event Time ที่จะให้ผู้เล่นใช้ต่อเมื่อพลังชีวิตของเราเหลือน้อย และในระหว่างที่เรากำลังจะตาย เกมจะให้โอกาสเราโดยการสโลโมชันและเราต้องหันไปยิงศัตรูตัวที่กำลังจัดการเรา หากเรายิงโดนเราก็จะไม่ตาย ซึ่งถือเป็นไอเดียที่เจ๋ง และทำให้เกม Max Payne 3 สนุกมากกว่าภาคก่อนๆ
หากใครเคยเล่น ภาค 1 หรือภาค 2 ในซีรีส์เกม Max Payne เราจะเห็นว่าการใช้ปืนค่อนข้างอิสระ และง่ายต่อการเล่นจนผู้เล่นบางคนหมดสนุก เพราะทำให้เกมง่ายขาดความท้าทาย แต่ใน Max Payne 3 ผู้พัฒนาได้ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นโดยการเพิ่มความสมจริง โดยบังคับให้ตัวละครของเราถือปืนได้เพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้น ฉะนั้นใครที่เป็นสายหอบฟาง หอบคลังแสง อาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ แต่ด้วยความยากนี้เองก็ทำให้ Max Payne 3 เป็นอีกหนึ่งเกมในยุคนั้นที่สนุก ตื่นเต้น และท้าทายไม่น้อยกว่าเกมอื่นๆ เลย ในการแบ่งปืนเหล่านี้ก็จะแบ่งเป็นปืนพก หรือปืนกลเบาหนึ่งช่อง และปืนหนักอีกหนึ่งช่องให้เราได้เปลี่ยนเล่นกัน แต่เอาจริงๆสำหรับผมก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วกับการเล่นเกม Max Payne 3
สำหรับเกมนี้ถ้าให้พูดถึงความรู้สึก ผมเชื่อว่าหลายคนคงพูดเหมือนกันว่า เอามาเล่นคลายเครียดก็ไม่เลว ถึงแม้เนื้อเรื่องจะน่าผิดหวัง เพราะไม่ได้ผู้ปมกับตัวละครเอกของเรา หรือไม่ได้เชื่อมโยงอะไรมาก แต่จะเน้นไปที่เนื้อหาของการเป็นบอดี้การ์ดมาเฟียเสียมากกว่า ทำให้ผู้เล่นเกม Max Payne 3 อย่างผมแอบเสียดายเนื้อเรื่องสุดมันส์จากภาคที่ 2 แน่นอนว่าในครั้งนี้เอง ระบบเกมก็ได้เปลี่ยนใหม่มากพอสมควร เน้นไปที่ความสมจริงและความยาก เพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่นอย่างเราได้ร้องโอดครวญ แต่ถึงกระนั้นเกมก็มีระบบช่วยเหลือผู้เล่นต่างๆ มาให้มากมายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ Max Payne 3 จึงกลายเป็นเกมที่หยิบมาเล่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ รีวิว Max Payne 3 จากตำรวจสู่บอดี้การ์ดมาเฟียบลาซิล ที่เราเอามาให้ทุกท่านได้ดูกันวันนี้ ถึงแม้จะเป็นเกมเก่า แต่ก็ถือว่าเป็นเกมที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังน่าเล่นอยู่เช่นเดิม หากใครชอบบทความรีวิวเกมแบบนี้อย่าลืมติดตาม games-knowledge ไว้เพื่อที่คุณจะไม่พลาด เนื้อหาดีๆ คอนเทนต์เด็ดๆ ในวงการเกม