Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction เกมภาคแยกของ Tom Clancy’s Rainbow Six Siegeซึ่งเป็นเกมแนวFPS, MultiplayerพัฒนาโดยทีมงานUbisoftและวางจำหน่ายในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ในเกมนี้ผู้เล่นจะต้องพาเหล่าOperatorที่รู้จักกันจากภาคต้นฉบับออกปฏิบัติการกอบกู้โลกจากเหล่าเอเลียนหรือที่เรียกกันในเกมว่า ‘อาร์เคียน’ ที่เข้ามารุกรานโลก โดยในเกมภาคแยกนี้ ผู้เล่นจะต้องร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน(สไตล์ PvE) เพื่อวางแผนยุติการรุกรานจากเหล่าอาร์เคียนในแต่ละพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่ามีความแตกต่างจาก Rainbow Six Siege ที่จะต้องวางแผนกำจัดผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม(สไตล์ PvP) อย่างสิ้นเชิง
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่แฟนๆ Rainbow 6 Siege รอกันมาอย่างยาวนาน สำหรับ Extraction หรือชื่อเดิม Quarantine โดยต้องขอบคุณUbisoftมากจริงๆที่ให้โอกาสเราได้เข้าไปทดลองเล่นก่อนในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาซึ่งในบทความนี้ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับว่าความรู้สึกหลังได้ลองเล่นแอบบอกก่อนเลยว่าสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะมากครับต้องออกตัวก่อนเลยว่าผมเองเคยเล่น Rainbow 6 Siege มาบ้างเล็กน้อยและคงต้องยอมรับว่าตัวผมเองได้ประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับ Rainbow 6 Extractionคงต้องบอกว่าสนุกกว่าที่คิดมากจริงๆ
จากที่กล่าวไว้ข้างต้น Rainbow Six Extraction จะมีรูปแบบในการเล่นสไตล์ PvE ที่ผู้เล่นจะต้องร่วมมือกับเพื่อนในทีม(หรือลุยเดี่ยว) เพื่อลงปฏิบัติภารกิจในแต่ละพื้นที่ และในแต่ละครั้งที่เล่นก็จะได้รับภารกิจที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำลายรังอาร์เคียน, ช่วยเหลือ Operator ที่ติดอยู่ในพื้นที่ หรือข้ามมิติเพื่อไปสู้กับบอสในพื้นที่ลับ ในการเล่นภารกิจเหล่านี้ ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องทำให้ผ่านทั้งหมด 3 ภารกิจในรวดเดียว เพราะในแต่ละภารกิจผู้เล่นจะสามารถถอนตัวก่อนได้หากไปต่อไม่ไหว ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพื่อเลี่ยงความล้มเหลวเพราะหากทำภารกิจล้มเหลวแล้วนอกจากจะสูญเสียOperatorที่ใช้ชั่วคราวผู้เล่นจะสูญเสียค่าEXPอีกเช่นกันครับ
ภารกิจต่างๆ ภายในเกมนี้ มีความหลากหลายและมีระดับความยากที่แตกต่างกัน ซึ่งใน 1 ด่านนั้นจะมีภารกิจสุ่มทั้งหมด 3 ภารกิจ ที่ต้องไปทำ เมื่อเคลียร์ภารกิจ 1 ใน 3 ได้สำเร็จก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะทำภารกิจต่อไป หรือจะเซฟตัวเองเพื่อกลับไปยังฐานก็ได้ แต่ถ้าหากเลือกทำภารกิจต่อก็จะมีโอกาสได้ค่าประสบการณ์ เพื่อใช้ในการปลดล็อกอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงของตกแต่งของเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในเกมต่อๆไปซึ่งระยะเวลาในการทำภารกิจของด่านต่างๆ นั้นจำกัดเพียงแค่15นาทีเท่านั้นดังนั้นในการเล่นทุกครั้งจะต้องปรึกษากับทีมเสมอว่าควรจะทำสิ่งไหนก่อนหลังหรือจะไปต่อจนจบด่านหรือไม่ฉะนั้นการสื่อสารของเกมนี้คือสิ่งสำคัญมากๆ และถ้าหากในระหว่างภารกิจผู้เล่นเกิดทำภารกิจล้มเหลวหรือตายในภารกิจ เจ้าหน้าที่ที่ตายจะอยู่ในสถานะMIA(Missing in Action)ซึ่งจะไม่สามารถใช้เจ้าหน้าที่คนนั้นซ้ำได้อีก ทำให้ต้องใช้เจ้าหน้าที่อื่นปฏิบัติภารกิจแทน และถ้าหากในด่านนั้นมีภารกิจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ติดสถานะMIAอยู่หากช่วยสำเร็จจ้าหน้าที่คนนั้นก็จะกลับมาใช้งานได้ และยังสามารถปล่อยทิ้งไว้1-2เกมเพื่อให้เจ้าหน้าที่นั้นฟื้นเลือดพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
เป็นการกลับสู่เกมแนว Co-Op ที่แฟนๆ Rainbow Six คุ้นเคย พร้อมด้วยความท้าทายที่ยากขึ้น โหดขึ้น เป็นการฉีกการนำเสนอของ Rainbow Six ที่ถือว่าแปลกใหม่ และโอเคมากๆ ถ้าหากใครที่เบื่อกับการเล่นเกมในรูปแบบ PVP กับคนเล่นด้วยกันเอง ลองหาเพื่อนอีก 2 คนมาช่วยกันสู้กับศัตรูนอกโลก ก็อาจจะเป็นไอเดียที่เข้าท่าเหมือนกันนะครับ ขอขอบคุณทาง Ubisoft ที่เอื้อเฟื้อตัวเกมมาให้ทางทีมงานได้ทดสอบกันด้วยนะครับ