รีวิวเกม Dying Light 2 Stay Human เกมวิ่งฟัดผีที่อิสระมากกว่าเดิม

เป็นเกมที่เปิดขายบน Steam แล้วสามารถเล่นได้ทั้ง PC และ PlayStation เป็นเกมแนวสยองขวัญต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด มีเนื้อเรื่องความเป็นมาที่ต่อเนื่องกันเป็นภาคต่อจากซอมบี้ฟรีรันนิ่ง ผู้เล่นจะต้องเรียงไทม์ไลน์ให้ชัดเจน จำเนื้อหาที่สำคัญให้ได้ เพราะว่ามีผลต่อชัยชนะของเกม สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เกมสยองจะต้องชอบเกมนี้อย่างแน่นอน ในส่วนเรื่องของกราฟิกถือว่าเป็นงานละเอียดภาพสวยคมชัด หลังจากที่ถูกประกาศเลื่อนยาวจนได้วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2022 นี้ Dying Light 2 ก็ได้เปิดให้แฟน ๆ เกมจากภาคแรกได้ลิ้มรสภาคต่อของเกมนี้กันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตัวเกมก็สามารถทำยอดผู้เล่นตอนเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว เพราะมียอดผู้เล่นมากกว่าตัวเกมภาคแรกได้ภายในไม่กี่วันที่ตัวเกมวางจำหน่ายบนร้านค้าทุกแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ตัวเกมจะถูกวางจำหน่าย ก็ได้รับคำวิจารณ์จากสื่อเกมอย่าง IGN ว่าตัวเกมมีบั๊กที่ส่งผลทำให้เกมเพลย์มีปัญหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ส่งผลทำให้ทางทีมงาน Techland ต้องออกประกาศว่า ตัวเกมจะได้รับการอัปเดตด้วยแพตช์ Day One ที่จะแก้ไขบั๊กต่าง ๆ มากกว่า 1,000 จุดทางเราก็ได้ลองเล่นตัวเกมเป็นเวลา 2 อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ช่วงวันแรกที่วางจำหน่าย ไปจนถึงหลังตัวเกมได้รับแพตช์แก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ ก็คงอยากจะรู้กันอยู่แล้วว่าควรจะซื้อมาเล่นในตอนนี้เลยหรือไม่ ทางเราก็ได้สรุปประเด็นนี้เอาไว้ให้แล้วว่าผู้เล่น Dying Light 2 จะได้พบกับอะไรบ้างในเกมนี้ครับ

โดยเนื้อเรื่องของเกมจะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกนานกว่า 20 ปี โดยเราจะได้รับบทเป็น Aiden Caldwel ชายหนุ่มคนนอกเมืองผู้ที่ต้องเดินทางมายัง The City (หรือที่เรียกว่าเมือง Villedor) เพื่อตามหาน้องสาวที่พลัดพรากกันในวัยเด็ก โดยเนื้อเรื่องจุดประสงค์หลักของตัวเอกนั้นมีเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่เรื่องเล่าทั้งหมดของเราจะพูดถึงความขัดแย้งระหว่างผู้คนสองฝ่ายอย่างเหล่า Survivor (ผู้รอดชีวิต) และ Peacekeeper (ผู้รักษาสันติภาพ) โดยเราจะมีโอกาสได้ช่วยเหลืองานของทั้งสองฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็จะให้เราเลือกช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องบางอย่างของเกม

แต่จากที่ได้เล่นมานั้นต้องยอมรับว่าตัวเนื้อเรื่องของ Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างอ่อนในระดับหนึ่งเลย เพราะตัวเกมพยายามจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายมากจนเกินไป ทำให้จุดประสงค์แรกในการที่เราอยากมาช่วยเหลือน้องสาวนั้นเบาบางลงอย่างมากถึงแม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะบอกว่าการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ พวกเขานั้นจะให้สิ่งที่เราต้องการในการตามหาน้องสาวก็เถอะ !! แต่กว่าจะถึงจุดนั้นเราก็ต้องใช้เวลาเล่นมากกว่า 15-20 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าประเด็นที่พวกเขาเล่านั้นค่อนข้างน่าสนใจที่แต่ละคนนั้นมีเหตุผลของตัวเองอยู่ที่ว่าคุณชอบใครเท่านั้น ซึ่งการเลือกช่วยเหลืออีกฝ่าย โดยภายในเนื้อเรื่องจะมีตัวเลือกตัดสินใต ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออีกฝ่าย โดยการเล่นของเนื้อเรื่องอย่างเดียวจะอยู่ราวๆ 30 ชั่วโมง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าผิดหวังในด้านเนื้อเรื่องก็คงจะเป็นคำถามเลือกตอบ ถึงแม้ว่าเรื่องราวของมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แต่โครงเรื่องหลักโดยรวมเองก็ยังตรงไปในทางเดียวกัน สุดท้ายตัวเกมก็จะจบเรื่องราวเหมือนกัน เพราะเรื่องราวทั้งหมดหรือตัวละครที่ไม่มีบทหรือผ่านเนื้อเรื่องไปแล้ว พวกเขาก็แทบไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อเส้นเรื่องหลัก หรือเส้นเรื่องรองอีกเลย

กราฟิก / การนำเสนอ

สำหรับเมือง Villedor จะมีความแตกต่างจากเมือง Harran ของเกมภาคแรกเกือบจะทั้งหมด โดยตัวเกมจะให้กลิ่นอายความเป็นยุโรป ตัวบ้านเมืองเองมีสีสันมากขึ้นกว่าภาคแรกที่จะอยู่ในสลัม และเนื่องจากเรื่องราวจะดำเนินหลังที่โลกล่มสลายมากว่า 20 ปี ทำให้เราได้เห็นต้นไม้ที่เลื่อยเกาะตามบ้านให้ความรู้สึกสบายตาและเขียวชอุ่มกขึ้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโซนตึกสูงเสียดฟ้ามากมาย ให้ความรู้สึกว่าเรานั้นอยู่ในใจกลางเมืองหลวงมากยิ่งขึ้นนั่นเองโดยผู้เขียนได้เล่นเกมนี้บนเวอร์ชัน PC ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวเกม Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับผู้คนคอมพิวเตอร์ระดับต่ำ หรือกลางเสียเท่าไร เพราะผู้เขียนใช้คอมพิวเตอร์ CPU I5 8400 กับการ์ดจอ GTX 1060 6GB ซึ่งก็สามารถรันเกมในความละเอียด 1080p ได้เพียงแค่ 40-50 FPS เท่านั้น อาจจะเพราะรายละเอียดของเกมที่เยอะขึ้น ตึกราบ้านช่องที่มีรายละเอียดและเข้าถึงได้ลึกขึ้นทั้งในแนวนอนและแนวดิ่ง บวกกับแผนที่อันใหญ่โตมากขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ถามว่าเฟรมเรทราวๆ นี้ประสบปัญหาในการเล่นไหมก็ต้องบอกว่าไม่ประสบปัญหาใดๆ เลย อาจจะไม่ลื่นไหลอย่างที่คิดแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เพราะจังหวะการเล่นของเกมนี้ก็ไม่ได้เร็วมากนักอยู่แล้ว

จุดเด่นเกมเพลย์ที่ยังคงความสนุกจากภาคแรกเอาไว้ได้ดีเมือง Villedor ที่ถูกออกแบบให้วิ่งเล่นได้อย่างไม่มีวันเบื่อมีจุดสำรวจที่น่าสนใจหลาย ๆ แห่งงานภาพกราฟิกสุดตระการตา

จุดสังเกตตัวเกมยังมีบั๊กเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะโหมดออนไลน์ ถึงแม้จะอัปเดตแพตช์ Day One ไปแล้วก็ตามตัวเลือกในการตัดสินใจไม่ส่งผลสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเนื้อเรื่องมากนักเนื้อเรื่องไม่มีอะไรที่น่าจดจำเป็นพิเศษ